เที่ยวทะเลหมอกหยุนไหลที่อำเภอปายจังหวัดแม่ฮ่องสอน

พลัดเปลี่ยนจากฤดูฝนกำลังเข้าสู่ฤดูหนาว เป็นฤดูแห่งความชุ่มฉ่ำและความหนาวเย็นเรามีสถานที่ท่องเที่ยวแนะนำพี่สามารถมาเยี่ยมช่องความงามได้ทั้ง 2 ฤดูไม่ว่าคุณอยากจะมาในฤดูฝนหรือคุณจะสะดวกมาในฤดูหนาวก็ตามซึ่งสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้อยู่ที่อำเภอปายจังหวัดแม่ฮ่องสอนเลยเราเรียกสถานที่ท่องเที่ยวนี้ว่าทะเลหมอกหยุนไหล

สำหรับจุดชมวิวของทะเลหมอกนั้นจะอยู่เหนือหมู่บ้านสันติชลขึ้นไปโดยเราสามารถที่จะขับรถออกจากหมู่บ้านสันติชลขึ้นไปหรือเราจะเดินขึ้นไปเพื่อชื่นชมความงดงามของทะเลหมอกแห่งนี้ก็ได้ ของทะเลหมอกเรามาถึงเราจะพบเนินเขาที่สามารถมองออกไปได้สุดลูกหูซึ่งเราจะมองเห็นหุบเขามากมายและต้นไม้ที่เขียวขจีทำให้เรารู้สึกสบายตาสบายใจเวลาที่นี่มองและที่สำคัญหากเรามาเยี่ยมชมที่นี่ในช่วงเวลาเช้าๆเราจะพบกับทะเลหมอกที่สวยงามที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน

ซึ่งการเดินทางมาเยี่ยมเยียนทะเลหมอกแห่งนี้ทางเจ้าหน้าที่จะมีการเตรียมการทำชาไว้ให้เรานั่งรับประทานจิบระหว่างชมวิวทะเลหมอกด้วยโดยเสียค่าบริการในการเข้าชมทะเลหมอกเพียงแค่คนละ 20 บาทเท่านั้น สำหรับที่นี่ทางเจ้าหน้าที่เขาจะมีจุดให้ชมวิวโดยจะทำการตั้งโต๊ะและเก้าอี้เอาไว้เที่ยวซึ่งท่องเที่ยวคนไหนจะเลือกนั่งตรงไหนก็ได้ตามสบายโดยจะมีชาไว้ให้จิตชมทะเลหมอกสวยๆรวมถึงช่วงเวลาที่พระอาทิตย์กำลังขึ้นไปบนขอบฟ้าเป็นภาพที่งดงามและหาชมได้ยากยิ่งซึ่งถ้าหากมาในช่วงฤดูหนาวแล้วก็อากาศกำลังเย็นสบายแล้วหมอก็จะเยอะเป็นพิเศษทำให้เรารู้สึกว่ากำลังนั่งอยู่บนสรวงสวรรค์เลยทีเดียว

สำหรับที่ทะเลหมอกหยุนไหลเป็นที่ที่นักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศโดยเฉพาะประเทศจีนนิยมที่จะมาชมความงามของที่นี่ยามเช้ามืดกันมากเพราะเป็นสถานที่ที่เรียกได้ว่าโรแมนติกสถานที่หนึ่งเลยทีเดียวหลายคู่รักที่มาขอแต่งงานกันที่นี่ก็มี นักท่องเที่ยวน้อยใหญ่ส่วนมากจะมาตั้งกล้องรอถ่ายรูปยังขึ้นอยู่ระหว่างทะเลหมอก

ซึ่งมีทั้งบอกควันและแสงของพระอาทิตย์สะท้อนแสงออกมาแลดูสวยงามตาเป็นภาพที่งดงามมากและทะเลหมอกหยุนไหลนี้ จะได้ว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งอำเภอปายจังหวัดแม่ฮ่องสอนเลยทีเดียวหากใครได้เดินทางมาเที่ยวแม่ฮ่องสอนแนะนำว่าไม่ควรสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้ที่ควรมาเป็นอันดับต้นๆของการเลือกมาท่องเที่ยวที่อำเภอปายเพราะสวยงามมากจริงๆ แต่ถ้าเป็นไปได้วันหยุดยาวอย่าลืมชวนคู่รักของคุณมาเที่ยวชมความโรแมนติกของบรรยากาศที่ทะเลหมอกแห่งนี้หรือว่าจะได้บรรยากาศโรแมนติกโรแมนติกสำหรับการขอแต่งงานกันนะคะ 

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  BK8

เดินทางท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่น

เดินทางท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่น เทศกาลฮานามิ สวนอุเอโนะปาร์ค และ ดอกซากุระที่เบ่งบาน

ในช่วงหน้าร้อนของต้นเดือนเมษาผมอยู่ที่สนามบินดอนเมืองเพื่อบินตรงไปยังแดนอาทิตย์อุทัย หรือประเทศญี่ปุ่นประเทศที่มีทั้งสื่อสิ่งพิมพ์และสื่อโทรทัศน์ที่ผูกพันกับผมมาตลอดทั้งชีวิตผมเดินทางมาถึงยังสนามบิน  นาริตะ ประเทศญี่ปุ่น การเดินทางข้ามมายังต่างแดนด้วยตัวคนเดียวครั้งนี้สร้างความขบขันให้กับจิตใจผมเป็นอย่างมากเพราะไม่ว่าจะเป็นภาษาอังกฤษที่แสนแย่ของผมและความเป็นมนุษย์ที่หลงทางได้เป็นชีวิตจิตใจแต่การใช้บริการของ Japan planning

วางแผนเที่ยวญี่ปุ่นก็ทำให้ผมแทบไม่ต้องเตรียมตัวอะไรเลยก่อนออกเดินทางการหลับบนเครื่องบินหกชั่วโมงนั้นก็เพียงพอสำหรับเช้าที่แจ่มใสในประเทษญี่ปุ่นในช่วงเดือนเมษาที่ประเทศไทยแสนจะร้อนนั้นแต่ในประเทศญี่ปุ่นกลับเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ ฤดูที่คนญี่ปุ่นน่าจะชื่นชอบกันมากที่สุดเพราะผ่านฤดูหนาวที่หนาวเหน็บเต็มไปด้วยหิมะกลับเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิที่สีเขียวกลับมาอีกครั้งและเหล่าดอกไม้ก็เริ่มเบ่งบานทำให้  สวนอุเอโนะปาร์ค ในวันนี้เต็มไปด้วยดอกซากุระที่เบ่งบาน

และอารมณ์ของผมและผู้คนในสวนก็เบ่งบานตามฤดูที่สวยงามของสถานที่แห่งนี้ อุเอโนะ เป็นอีกอย่างหนึ่งย่านในโตเกียวที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาอย่างหนาตาทำให้การได้ยินเสียงคนไทยพูดกันในระหว่างทางนั้นดูจะเป็นเรื่องปกติภายในสวนแห่งนี้ซะแล้วถึงช่วงนี้ภายในประเทศญี่ปุ่นจะเป็นฤดูใบไม้ผลิแต่ผมกลับรู้สึกว่าอากาศนั้นมีความหนาวเย็นมากกว่าฤดูหนาวในประเทศไทยซะอีก

สถานที่แห่งนี้คือ สวนสาธารณะแห่งแรกของโตเกียวที่เปิดให้ผู้คนได้เข้ามาในช่วงประมาณ70ปีและในช่วงเวลานี้ก็เป็นช่วงเทศกาล ฮานามิ ข้าวเกรียบรวยเพื่อน ซึ่งจริงๆแล้วไม่ได้เกี่ยวกับขนมข้าวเกรียบกุ้งแต่อย่างใด เทศกาลฮานามิ  เป็นเทศกาลที่ชาวญี่ปุ่นนิยมมาปูเสื่อปิกนิกดื่มกินกันสังสรรค์กันพร้อมกับ ชมซากุระ ด้วยความอิ่มเอมใจและในสวนอุเอโนะปาร์คนั้นก็มีต้นซากุระร่วมพันต้นให้ทุกคนดื่มดำไปกับความสวยงามที่ภายในหนึ่งปีจะมีครั้งเดียวกับการชมดอกซากุระเบ่งบานในเทศกาลฮานามิ

 

สนับสนุนโดย  sagame

พาเที่ยวน้ำตกผาน้ำหยด 

พาเที่ยวน้ำตกผาน้ำหยด  อำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี

                 สำหรับใครที่เคยไปเที่ยวน้ำตกทอทิพย์  อำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี กันมาแล้ววันนี้เราจะมาพาไปเที่ยวที่น้ำตกผานำหยดกันค่ะ อยู่ในอำเภอเดียวกันกับน้ำตกทอทิพย์เลย ซึ่งน้ำตกผาน้ำหยดนี้เพิ่งเปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของจังหวัดเพชรบุรีได้ไม่นาน หากใครอยากรู้ว่าน้ำตกผาน้ำหยดสวยมากแค่ไหน ลองกลับไปหาดูโฆษณาเหล่ายี่ห้อดังยี่ห้อหนึ่งที่มีกินรีมาเล่นน้ำดูสิค่ะ  เขามาถ่ายทำโฆษณาที่น้ำตกผาน้ำหยดแห่งนี้ล่ะคะ สำหรับการเดินทางไปเที่ยวน้ำตกนั้น เราจะต้องเดินทางผ่านแอ่งเก็บน้ำผาน้ำหยดก่อน

ซึ่งเส้นทางที่เราจะไปถึงน้ำตกได้นั้นจะต้องขับรถเข้าไปแล้วต้องจอดรถและเดินเท้าเข้าไปอีก 1. 5 กิโลเมตร ถึงจะเจอกับน้ำตกสวยสวยกันค่ะ แต่ก่อนอื่นเรามาบอกทางไปกันก่อนค่ะ เริ่มจากเข้าไปทางวัดหุบเขาเฉลา หรือที่เรียกกันว่าเขาอ่างแก้ว เมื่อเลี้ยงรถเข้าไปแล้วค่อยค่อยขับรถนะคะไม่ต้องเพราตลอดเส้นทางเราจะสามารถมองเห็นความงามของธรรมชาติดที่มีป่าและเขาโอบล้อมรอบตัวเราได้ค่ะ ซึ่งเมื่อขับรถเข้ามาเรื่อยเรื่อยเราจะเจอกับอ่างเก็บน้ำผาน้ำหยุดก่อน ที่นี่เป็นอ่างเก็บน้ำขนาดกลาง ที่ถูกสร้างเอาไว้ให้กับชาวบ้านได้มีน้ำใช้ในยามหน้าแล้ง

และยังเอาไว้ใช้เกี่ยวกับพืชผลทางการเกษตรอีกด้วย และเมื่อขับรถต่อไปสักพักก็ต้องหาทีจอดรถและเดินเท้าเข้าไปแล้วค่ะ สำหรับทางเดินที่จะเข้าไปถึงน้ำตกนั้นเป็นลักษณะของป่าและที่พื้นดินจะมีต้นไมยราพขึ้นปกคลุมดินมากมาย ทางที่ดีหากมาเที่ยวที่นี่ให้ใส่รองเท้าผ้าใบกับนุ่งกางเกงขายาวจะดีที่สุดค่ะ  ป่าที่นี่เดินงานไม่ค่อยรกสักเท่าไหร่ เพราะเป็นแนวทางเดินของช้าง สำหรับเส้นทางเดินไปน้ำตกผาน้ำหยดแห่งนี้ยังถือว่ายังคงมีความอุดมสมบูรณ์มากกมาก ตลอดเส้นทางที่เราเดินผ่านจะเห็นพันธ์ไม้แปลกแปลกที่เราไม่เคยเห็นหลายต้น เช่น เห็ดร่างแห ใช้เวลาเดินทางไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงเราก็จะพบกับน้ำตกผาน้ำหยดแล้ว

การมาเที่ยวน้ำตกนั้นช่วงเวลาที่เหมาะสมในการมาเที่ยวควรจะมาช่วงหน้าฝน เพราะน้ำจะเยอะ แต่หากมาในหน้าร้อนคุณอาจจะไม่ได้เห็นน้ำตกก็เป็นได้ อาจจะได้เล่นน้ำเฉพาะในแอ่งเท่านั้นเพราะหน้าแล้งน้ำจะน้อยมาก แต่ถึงแม้จะมาเที่ยวที่นี่ในหน้าแล้งสำหรับที่น้ำตกผาน้ำหยุดแล้วคุณก็จะยังเห็นน้ำไหลตกลงมาจากหน้าผาอยู่ดี แต่อาจจะไม่สวยเท่ากับมาในหน้าฝน เพราะน้ำจะตกลงมาเหมือนกับเป็นผ้าม่านน้ำสวยเหมือนอยู่ในเทพนิยายเลยค่ะ

 

ขอบคุณผู้ให้การสนับสนุนโดย  rb88

รวมที่ฮิต ที่เที่ยวในจังหวัดจันทบุรี

    ใครเคยไปจันทบุรีกันบ้างหรือยังคะ เชื่อว่าคงมีคนตอบว่าเคยไปกันบ้างแต่ก็อาจจะยังมีบางคนที่ยังไม่เคยไป ที่จันทบุรี มีสถานที่ท่องเที่ยวเยอะแยะเต็มไปหมดทั้งที่เที่ยวที่ติดกับทะเล  และที่นิยมไปกันมากก็คือเที่ยวสวนผลไม้ แต่จันทบุรีไม่ได้มีดีแค่ทะเลและสวนผลไม้นะคะ

วันนี้  เว็บพนันออนไลน์2020  จะพาไปชมกันว่ามีที่ไหนที่น่าสนใจไปเที่ยวอีกบ้าง
  1. เขาคิชฌกูฎ   ที่นี่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่จะเปิดให้ประชาชนได้เข้ามาเที่ยวและไหว้พระทำบุญกันในช่วงเดือนกุมภาพันธ์จนถึงเดือนเมษายนเท่านั้นหลังจากนั้นจะปิดไม่ให้ขึ้นไปเที่ยว  หากใครที่จะมาเที่ยวที่นี่ในช่วงที่มีการเปิดให้เข้ามาเที่ยวได้ สามารถเดินทางมาได้ทั้งกลางวันและกลางคืนเลยค่ะ
  2. หนองซิ่มบ้านฉัน  เป็นการท่องเที่ยวการเยี่ยมชมวิถีชีวิตชาวบ้าน การใช้ชีวิตแบบพอเพียงตามโครงการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9  ที่นี่จะมีบรรยากาศท้องทุ่งนา มีร้านขายกาแฟ และอาหาร มีสวนผัก และการเลี้ยงสัตว์ให้เข้าไปชม นักท่องเที่ยวคนไหนอยากเห็นการใช้ชีวิตแบบบ้านบ้านจริงลองมาเที่ยวทีนี่ดูค่ะ
  3. โฮมสเตย์  ที่จังหวัดจันทบุรีแห่งนี้มีที่เที่ยวที่เป็นโฮมสเตย์เยอะมาก อย่างน้อยก็มีไม่น้อยกว่า 14 แห่งแน่นอน และแต่ละทีก็มีวิวที่สวยงามมาก  เราสามารถมานั่งกินลมชมวิวแล้วกินอาหารทะเลอร่อย อร่อยได้ไม่มีเบื่อเลยล่ะค่ะ
  4. ศูนย์อนุรักษ์หัตถกรรมพื้นบ้านการทอเสื่อ จันทบูร   ที่หมู่บ้านเสม็ดงามเสื่อจันทบูรเป็นเสื่อที่มีชื่อเสียงมาก ทั้งความสวย และงานที่ประณีต หากใครอยากเห็นขั้นตอนการทำและอยากซื้อเสื่อสวยสวยกลับไปใช้ที่บ้านสามารถแวะมาทีนี่ได้เลยค่ะ
  5. หาดแหลมสิงห์  มาถึงสถานที่ท่องเที่ยวติดทะเล กันบ้างที่นี่จะมีชายหาดที่สงบคนไม่พลุกพล่าน และยังมีจุดให้ชมสถานที่สำคัญที่เคยเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์มาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการเที่ยวชม คุกขี้ไก่ ที่เคยเป็นที่คุมขังนักโทษ  หรือแม้ตึกแดง รวมถึงป้อมไพรีพินาศ และยังมีสถานทีชมปลาโลมาแสนน่ารัก ที่เรียกว่าโอเอซิส ซีเวิลด์ เรียกได้ว่ามาที่เดียวแต่ได้เที่ยวหลายแห่ง

และนี่เป็น 5 สถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของจังหวัดจันทบุรี ที่ขาเที่ยวอย่างเราเรา ไม่ควรที่จะพลาดมาเที่ยวกัน สำหรับการเดินทางมาเมืองจันทบุรีนั้น ไม่ได้ยุ่งยากอะไรและที่นี่ก็อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพมากนัก หากมีวันหยุดสักสองถึงสามวันมาเที่ยวพักผ่อนที่จันทบุรีดูก็ดีนะคะ มาเยี่ยมชมความงามทางธรรมชาติ มาสูดอากาศที่บริสุทธิ์ เป็นการพักร่างกายที่ต้องทำงานหนักมานาน 

ดอยขุนตาล

สถานที่ ดอยขุนตาล เป็นสถานที่ที่เที่ยวสวยงามสงบมากที่สุด

จุดสูงที่สุดของ ดอยขุนตาล ซึ่งเป็นเป้าหมายของเช้านี้อากาศที่เย็นกับหมอกที่ลงหนาในระหว่างทางเดินนี้เหมือนจะเรียกให้เราไปพบกับทั้งหมดที่บนยอดนี้เราทิ้งเต้นท์และสัมภาระอยู่ที่ ย.3 โดยมีเจ้าดำที่ไม่ได้ตามมาเฝ้าอยู่หลังจากที่ได้เดินขึ้นเขามาอีก1กิโลเราก็ได้พบ ย.4ยอดดอยที่ปกคลุมไปด้วยหมอกที่หนาแน่นซ่อนพระอาทิตย์ออกจากพวกเรานี่เป็นครั้งแรกในชีวิตผม

ของการขึ้นมาจุดสูงสุดของยอดดอยผมไม่ได้คาดหวังอะไรก่อนเลยกับการที่ได้เดินขึ้นมาบนยอดดอยนี้แต่ดูเหมือนกับว่าธรรมชาตินั้นจะเตรียมทุกอย่างเอาไว้ให้เราแล้วในบางทีในสื่งที่สุกที่สุดของการเดินทางคงจะเป็นการที่เรานั้นไม่ได้คาดหวังไว้กับอะไรเหมือนกับการที่เรานั้นได้เชื่อใจใครสักคนการที่เราคาดหวังมันก็จะได้ลดบทบาทของตัวมันลงไปเอง

และก่อนที่พวกเรานั้นจะได้ลงไปยังจุดหมายปลายทางนั้นมันเป็นจุดหมายปลายทางสุดท้ายเราก็ได้พบเข้ากับชาวบ้านกลุ่มหนึ่งได้เดินขึ้นมาเข้ามาเก็ขพืชป่า

ซึ่งมันได้เป็นวิถีชีวิตของชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในแถบนี้

ผมว่ามันหาดูได้ยากมากๆในที่เงียบสงบแห่งนี้และจุดมุ่งหมายสุดท้ายของพวกเราในวันนี้ก็คือ ซึ่งมันเป็นน้ำตกแห่งหนึ่งที่ไม่ค่อยมีใครรู้จักสักเท่าไรและไม่ค่อยมีใครขึ้นมาเที่ยวในพื้นที่แห่งนี้และน้ำตกแห่งนี้ก็มี ชื่อว่า น้ำตกเหมย ซึ่งมันอยู่ในเส้นทางขากลับแต่มันจะเป็นคนละเส้นทางที่พวกเรานั้นได้เดินทางมาที่ดอยและหลังจากนั้นที่พวกเราได้เดินทางลงเขามาได้กันสักระยะแล้วจากนั้นผมก็ได้ยินเสียงของธารน้ำที่มันอยู่ตกด้านหน้าของเรา

และในสิ่งที่ได้พบนั้นก็คือ  ต้นน้ำของน้ำตกเหมย ซึ่งโดยน้ำตกเหมยนั้นมันเหมือนกับว่ามันเป็นน้ำตกที่มันหลบสายตาจากผู้คนที่อยู่ภายนอกที่ไม่ได้ขึ้นมาสำผัสในที่แห่งนี้ และในที่น้ำตกแห่งนี้นั้นจะมีแค่เพียงพวกเราทั้งหมดแค่เพียง5คนเท่านั้นมันคือช่วงเวลาแห่งการปลีกวิเวกของการขึ้นดอยที่อย่างแท้จริง ซึ่งน้ำตกเหมยนั้นเป็นน้ำตกที่มีขนาดเล็กแต่มันก็เป็นแหล่งน้ำที่สำคัญของ ย.1ถึง ย.4 ผมเคยถามตัวเองหลายครั้งนะในตอนที่ผมยังเป็นขี้เมาตามประสาเด็กมหาลัยว่าการมาเที่ยวธรรมชาติป่าเขาน้ำตกนี่มันสนุกตรงไหนพอผมได้มาผมก็ได้รู้ว่าในสิ่งที่ผมอยากได้นั้นมันไม่ใช่ความสนุกแต่สิ่งที่สำคัญกว่าความสนุกของผมในตอนนี้ผมคิดว่ามันน่าจะเรียกว่าความทรงจำ

 

ได้รับการสนับสนุนมาจาก  nowbet

เที่ยวภายในกรุงเทพ

            กรุงเทพฯเป็นเมืองที่มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย ทำให้ในแต่ละวันนั้นมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ากรุงเทพเป็นจำนวนมาก เพื่อมาท่องเที่ยวกันมีสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงาม สามารถเลือกเที่ยวแบบวันต่อวัน หรือค้างคืนเที่ยวกัน เหมาะกับคนที่ทำงานในกรุงเทพ สำหรับวันหยุดไม่อยากไปเที่ยวที่ไหนแบบไกล ก็สามารถชวนกันเที่ยวภายในกรุงเทพได้เลย เรามารู้ว่ามีที่ไหนบ้างน่าไปเที่ยวกัน

สวนรถไฟ  เป็นสถานที่คนส่วนใหญ่นิยมไปวิ่งออกกำลังกายกัน หรือว่าชวนกันไปปั่นจักรยาน มีสถานที่ต้นไม้ร่มรื่นมากมาย สามารถไปปูเสื่อนอนพักผ่อนกับวันสบายๆได้เลย มีสถานที่ให้ถ่ายรูปเล่นกัน เหมาะกับวันหยุดพาครอบครัวไปนั่งชิวเล่นกัน 

เยาวราช  เป็นแหล่งขายของกินในช่วงกลางคืน ถือว่าเป็นสถานที่ฮิตเลยทีเดียวสำหรับคนที่ชอบออกหากินในเวลากลางคืน มีร้านอาหารขายมากมายสามารถเลือกซื้อรับประทานกันได้เลย ถือว่าเป็นที่มีผู้คนจำนวนมากพากันออกไปซื้อของรับประทานกัน และยังเป็นที่ถ่ายรูปเล่นสำหรับหลายๆคน

วัดพระแก้ว  เป็นสถานที่มีนักท่องเที่ยวไปกันมาก เป็นสถานที่ที่มีความสวยงาม เป็นวัดที่สำคัญของบ้านเมือง สามารถเข้าไปกราบไหว้สักการะ แต่ควรแต่งกายที่สุภาพเรียบร้อย ถ้าใครได้เข้าไปแล้วถือว่าเป็นบุญอย่างยิ่ง ควรทำจิตใจให้สงบในการเข้าไปกราบไว้พระแก้วมรกต เป็นสถานที่ที่ผู้คนนิยมไปขอพรกันเป็นจำนวนมาก

ท่ามหาราช  เป็นสถานที่ท่องเที่ยวริมแม่น้ำเจ้าพระยา คนส่วนใหญ่จะนิยมพากันไปนั่งทานข้าวในช่วงเย็นๆกัน บรรยากาศเย็นสบายริมแม่น้ำ เป็นที่นั่งเล่นสำหรับหลายๆคน มีที่ถ่ายรูปกันมากมาย การเดินทางสามารถเดินทางโดยรถประจำทางสะดวกสบาย ถือว่าเป็นสถานที่ฮิตสำหรับวัยหนุ่มสาวชวนกันไปนั่งเล่นกันช่วงหลังเลิกงาน

วังหลัง  เป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำหรับใครที่ชอบช๊อปปิ้ง ซึ่งมีร้านค้าขายมากมาย ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหารชื่อดัง ขายเสื้อผ้า ขายของฝาก อีกมากมาย นักท่องเที่ยวสามารถเลือกซื้อรับประทานกันที่ร้านหรือว่าซื้อกลับบ้าน ที่นี้มีร้านอาหารที่คนนิยมมาซื้อกัน เช่น ร้านชูชิ ร้านขนมปัง ที่ใครมาก็ต้องไม่พลาดซื้อกลับไปกัน ซึ่งมีสถานที่ใกล้ๆมากมาย โดยเฉพาะโรงพยาบาลศิริราช ใกล้สนามหลวง พระบรมราชวัง ทำให้นักทองเที่ยวสามารถแวะไปเที่ยวกันต่อได้อีก 

ถนนข้าวสาร  เป็นสถานที่ท่องเที่ยวในช่วงกลางคืน ส่วนใหญ่จะมีชาวต่างชาติมากมายนิยมมาเที่ยวกัน มีขายของไม่ว่าจะเป็นของกิน เสื้อผ้า หรือว่าร้านนั่งดื่มชิวกัน ถนนข้าวสารคนส่วนใหญ่จะรู้จักกันในช่วงเทศกาลสงกรานต์จะมีผู้คนมาเล่นน้ำกันอย่างหนาแน่น เป็นสถานที่เหมาะกับคนที่ชอบเที่ยวกลางคืนกัน แต่ในช่วงกลางวันก็สามารถมาเที่ยวกันได้ แต่ช่วงกลางคืนจะมีแสงไฟสวยงามมากกว่า

วัดอรุณราชวรารามวรมหาวิหาร

พาเยี่ยมชมความงามของวัดอรุณราชวรารามวรมหาวิหาร หรือ วัดแจ้ง

            หากพูดถึงวัดแจ้ง เชื่อว่าคงไม่มีใครไม่รู้จักเพราะที่วัดแห่งนี้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติต่างก็นิยมพากันเดินทางมาที่วัดแห่งนี้เพื่อเคารพศักดิ์การะบูชาพระพุทธรูปรวมถึงมาเยี่ยมชมความงามของสถาปัตยกรรมที่มีการออกมาทำให้วัดดูสวยงามที่ไม่สามารถประเมินค่าได้ ที่วัดแจ้งแห่งนี้มีพื้นที่วัดอยู่ติดกับริมแม่น้ำเจ้าพระยา หากเรามามองวัดจากฝั่งริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาอีกด้าน

เราจะเห็นภาพแห่งความงดงามที่มีการก่อสร้างมาตั้งแต่สมัยโบราณกาล ที่ยังคงเหลือเอาไว้ให้ลูกหลานมาเห็นภาพความเจริญรุ่งเรืองของประเทศในอดีต ที่วัดแจ้งแห่งนี้ลักษณะเด่นที่คนเอาไปพูดกันมากคือตรงที่ประตูทางเข้าวัดจะมีรูปปั้นยักษ์ขนาดใหญ่ยืนอยู่ จำนวน 2 ตน โดยตนหนึ่งมีผิวสีขาว และอีกตนมีผิวสีเขียว ยืนท่าทางน่าเกรงขาม ตรงจุดนี้นักท่องเที่ยวจะนิยมมาถ่ายภาพกับยักษ์ทั้งสองตนกันมาก

 

สำหรับยักสีขาวนั้นมีชื่อเรียกว่า สัหสเดชะ  และยักษ์อีกตนที่ผิวเป็นสีเขียวนั้น เรียกว่า ทศกัณฐ์ โดยชาวบ้านเชื่อกันว่ายักษ์ทั้งสองตนจะมีหน้าที่คอยปกปักษ์รักษา วัดแห่งนี้ไม่ให้ใครเข้ามาทำอันตรายวัดแห่งนี้ได้ ทีวัดแห่งนี้จะมีจุดที่ให้นักท่องเที่ยวได้เยี่ยมชมความงามกันหลายที่ไม่ว่าจะเป็น พระอุโบสถ ที่เป็นที่อยู่ของพระประธานซึ่งมีการเล่าต่อกันมาว่าพระประธานรูปนี้ รัชกาลที่ 2 เป็นคนปั้นหน้าพระประธานองค์นี้ด้วยพระองค์เองเลย จุดต่อมาคือวิหารหลวง ที่ภายในมีการออกแบบไว้อย่างสวยงามมาก

และภายในยังมีพระประธานอีกรูปที่ประจำวิหารหลวงให้ประชาชนได้เข้าไปกราบไหว้อีกด้วย ยงมีหอสมุดสมเด็จพุฒาจารย์โต ที่น่าสนใจเข้าไปเยี่ยมชม สำหรับวัดแจ้งแห่งนี้หากเดินให้รอบรอบจะเห็นความงดงามและความร่มเย็นเหมาะแก่การมาทำบุญไหว้พระเป็นอย่างมาก สำหรับคนที่จะเดินทางมาเที่ยวที่วัดแห่งนี้ แนะนำให้ใส่รองเท้าผ้าใบมาจะเดินชมความงดงามในบริเวณวัดได้สะดวกกว่า

 

เพราะที่นี่มีพื้นที่อาณาเขตกว้างขวางมาก และต้องใช้เวลาในการเดินนานกว่าจะทั่วถึง และที่สำคัญจะมีบางจุดที่บันไดจะมีความสูงชันและคับแคบดังนั้นการใส่รองเท้าสนสูงมาจะไม่สะดวกต่อการเดินชมวัด และที่สำคัญควรจะมีการแต่งกายให้สุภาพไม่ใส่ขาสั้นหรือสายเดี่ยวเด็ดขาด หากวันหยุดนี้ใครสนใจจะมาท่องเที่ยวที่วัดแห่งนี้แนะนำมาในช่วงเช้าเช้าหน่อยเพราะแดดจะได้ไม่ร้อนมากและคนจะยังไม่เยอะจะได้เดินชมวัดได้สบาย

ตลาดน้ำขวัญเรียม

ตลาดน้ำขวัญเรียมเป็นตลาดน้ำที่อยู่ใจกลางกรุงเทพมหานคร

โดยอยู่ระหว่างซอยเสรีไทย 60 กับซอยรามคำแหง 187ตลาดน้ำขวัญเรียมเป็นตลาดน้ำที่ชาวบ้านจะพายเรือออกมาขายสินค้าโดยจะเน้นการใช้ชีวิตแบบดั้งเดิมเหมือนสมัยโบราณรวมถึงที่ตลาดน้ำแห่งนี้จะมีกิจกรรมไว้ให้นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจับจ่าย ซื้อของได้ร่วมกิจกรรมมากมายสำหรับที่ตลาดน้ำแห่งนี้จะมีของขายทั้งของจากภาคเหนือสินค้าจากภาคกลางสินค้าจากภาคอีสานและสินค้าจากพักใต้เรียกได้ว่าสินค้าของทุกภาคที่ขึ้นชื่อจะถูกนำมาขายที่ตลาดน้ำขวัญเรียมแห่งนี้และที่สำคัญที่นี่จะมีการนำสินค้าโอท็อปมาวางขายให้กับนักท่องเที่ยวอีกด้วย

ตลาดน้ำขวัญเรียมจะอยู่ระหว่างวัดบำเพ็ญเหนือและวัดบำเพ็ญใต้ซึ่งชาวบ้านที่เป็นคนรุ่นเก่ามักจะพายเรือมาแสดงการละเล่นให้กับนักท่องเที่ยวและคนรุ่นหลังได้ดูส่วนเรือก็จะมีการออกแบบให้เป็นเรือไทยโบราณ อย่างที่บอกคือตลาดน้ำแห่งนี้จะอยู่ตรงคลองซึ่งขั้นกลางระหว่างวัดบำเพ็ญเหนือและวัดบำเพ็ญใต้ทำให้ชาวบ้านจึงร่วมใจกันสร้างสะพานที่เอาไว้สำหรับเชื่อมต่อระหว่างสองวัดเป็นสะพานที่ถือว่าเป็นการเชื่อมวัฒนธรรมและประเพณีให้อยู่ร่วมกันและหากนักท่องเที่ยวคนไหนสนใจมาทำการทำบุญตักบาตรพระทางน้ำจะมีกิจกรรมนี้ให้นักท่องเที่ยวได้ร่วมกิจกรรมในทุกวันเสาร์และวันอาทิตย์

ซึ่งนักท่องเที่ยวจะได้รับพรแล้วจะมีพระมาคอยสวดมนต์เพื่อความเป็นสิริมงคลให้กับนักท่องเที่ยวที่คอยมาใส่บาตรด้วยตลาดน้ำขวัญเรียมถือเป็นตลาดน้ำที่ชาวบ้านร่วมแรงร่วมใจกันจัดตั้งขึ้นมาเพื่อเป็นการแสดงให้เห็นถึงวัฒนธรรมประเพณีของคนในสมัยโบราณซึ่งชาวบ้านต่างต้องการแสดงให้คนรุ่นหลังได้เห็นวิถีชีวิตของชาวบ้านในสมัยโบราณนั้นเป็นอย่างไรซึ่งเราจะเห็นได้ว่าที่นี่จะไม่ใช่เพียงแค่สถานที่ท่องเที่ยวอย่างเดียวเท่านั้นเพราะที่นี่ยังเป็นแหล่งความรู้เกี่ยวกับประเพณีและวัฒนธรรมของคนในสมัยโบราณที่คนรุ่นหลังควรจะอนุรักษ์รักษาไว้ในยามเช้าชาวบ้านจะเตรียมของมาทำบุญใส่บาตร

ซึ่งจะมีพระที่นั่งอยู่บนเรือคอยรับบิณฑบาตแล้วนักท่องเที่ยวก็จะพากันมานั่งเรียงแถวอยู่ริมคลองหากใครต้องการมาใส่บาตรที่ตลาดน้ำแห่งนี้คุณจะมาในช่วงเช้าเช้าของวันหยุดเสาร์-อาทิตย์เพื่อที่จะที่จะได้รับพรจากพระสงฆ์ที่มารับบาทและเมื่อใส่บาตรเสร็จก็มีกิจกรรมการละเล่นที่ทางปู่ย่าตายายคิดขึ้นมาเพื่อให้คนรุ่นหลังได้เห็นวิถีชีวิตการละเล่นพื้นบ้านของคนในสมัยก่อนและเมื่อเดินเที่ยวจนทำใจแล้วก็อย่าลืมซื้อของฝากติดไม้ติดมือกลับบ้านไม่ว่าจะเป็นสินค้าโอท็อปหรืออาหารจากทั่วทุกภูมิภาค   

ตลาดริมน้ำวัดมะขาม ตลาดวัดศาลเจ้า

ตลาดริมน้ำวัดมะขาม ตลาดวัดศาลเจ้า ของจังหวัดปทุมธานี

         ที่ตลาดแห่งนี้ไม่ใช่ตลาดน้ำ เป็นตลาดที่เปิดขายของอยู่ในบริเวณวัดและอยู่ใกล้กับริมน้ำ ซึ่งที่ตลาดแห่งนี้จะเปิดให้คนเข้าไปซื้อของกันได้ทุกวัน ผู้คนมักจะเดินทางมาที่ตลาดแห่งนี้เพื่อมาซื้อของกินและยังสามารถแวะทำบุญไหว้พระได้อีกด้วย  ที่นี่จะมีบริการที่จอดรถให้หลายจุด

ทั้งภายในบริเวณวัด ด้านหน้าบริเวณวัด และก่อนมาถึงบริเวณวัดก็มีการทำลานจอดรถสำหรับลูกค้าที่จะมาไหว้พระและมาเดินตลาดน้ำ ซึ่งหากใครมาวันหยุดเสาร์หรือวันอาทิตย์แล้วละก็คนจะหนาแน่นมาก แต่หากมาวันธรรมดา ก็จะเดินกันแบบสบายสบายหน่อย ที่ตลาดแห่งนี้มีทั้งขนมไทยโบราณ  ไอศกรีม กับข้าว ของเล่น ผักสดจากสวนที่ชาวบ้านเก็บมาขายในราคาถูกและยังมีต้นไม้ที่เป็นพืชผักสวนครัวมาขายอีกด้วย

สำหรับที่ตลาดน้ำแห่งนี้อยู่ติดทั้งกับวัดมะขามและวัดศาลเจ้า แต่จะอยู่ตรงหน้าวัดศาลเจ้ามากกว่า หากใครที่ไม่เคยมาตลาดน้ำแห่งนี้มาก่อน แนะนำว่าควรจะมาตั้งแต่ช่วงเช้าเช้าหน่อยเพราะหากมาสาย ของที่ชาวบ้านนำมาขาย ส่วนใหญ่จะหมดเร็ว ซึ่งพอถึงเวลาสักประมาณบ่ายสองโมงหรือบ่ายสามโมงเย็นร้านค้าก็จะปิดร้านหมดแล้ว

เพราะของส่วนใหญ่จะหมดแล้ว สำหรับของที่ขายที่ตลาดที่นี่จะเป็นอาหารที่เราสามารถหาซื้อได้ทั่วไป และอาหารพื้นบ้าน เช่น แกงขี้เหล็ก  ต้มยำ ข้าวเปล่า ก๋วยเตี๋ยว หรือถ้าเป็นขนมก็พวกโรตีสายไหม ขนมข้าวแตนทอด

ซึ่งขอบอกเลยว่าขนมข้าวแตนทอดนี้จะหมดเร็วกว่าร้านอื่นอื่นมากสักประมาณเที่ยงเที่ยงหรือบ่ายบ่ายก็จะขายหมดแล้ว และเวลามาซื้อก็ต้องรอคิวกันนานมาก เพราะข้าวแตนที่นี่อร่อยมากจริงจริง ที่นี่จะไม่มีคนขอทานมานั่งขอเงินเพราะจะมีคนคอยดูแล ห้ามขอทานและยังมีป้ายห้ามให้เงินขอทานอีกด้วย และใกล้ใกล้กับตลาดขายของเดินเยื้องออกมาทางศาลของเซี่ยนแปะ

ซึ่งเป็นศาลที่ชาวบ้านในจังหวัดปทุมธานีและคนที่มาทำบุญไหว้พระมักจะต้องมากราบไหว้ขอพระกับเซียนแปะ เพราะที่นี่ขึ้นชื่อว่าขอสิ่งไหนไปมักจะสมหวัง ตรงหน้าศาลของเซียนแปะ นอกจากจะมีขอที่เอาไว้กราบไหว้เซี่ยนแปะแล้ว

ยังมีร้านขายของเล่น ร้านขายเสื้อผ้า รวมถึงร้านถ่ายรูปให้สำหรับคนที่มาเดินเที่ยวที่ตลาดแห่งนี้ได้เก็บภาพแห่งความประทับใจเอาไว้เป็นที่ระลึกอีกด้วย และเมื่อซื้อของเสร็จแล้วสามารถเดินไปทางริมน้ำเจ้าพระยาจะมีร้านขายปลาและอาหาปลาให้เราทำบุญปล่อยปลาได้ด้วย 

กิจกรรมที่ต้องทำเมื่อไปเที่ยวที่กรุงโตเกียวประเทศญี่ปุ่น

การเดินทางไปท่องเที่ยวที่ประเทศญี่ปุ่นจะไม่สมบูรณ์แบบได้เลย หากคุณพลาดไม่ได้ไปเมืองหลวงในตำนานอย่างกรุงโตเกียว เมืองที่นักท่องเที่ยวสามารถเยี่ยมชมการประมูลปลาที่โด่งดังระดับโลกได้ เมืองที่ที่สามารถอธิฐานขอพรที่วัดเก่าแก่อายุกว่า 1,000 ปี เมืองที่นักท่องเที่ยวสามารถกินดื่มตามร้านอาหารในตรอกซอกซอยได้อีกด้วย และนี่คือกิจกรรมต่างๆที่นักท่องเที่ยวควรทำเมื่อไปเที่ยวที่กรุงโตเกียว

  1. กินซูชิสดใหม่ที่ตลาดปลาโทโยสุ โตเกียวนั้นมีชื่อเสียงอย่างมากในเรื่องของซูชิ และเป็นที่แน่นอนว่าที่ที่จะได้ลิ้มรสชาติซูชิแบบสดๆใหม่ก็ต้องที่ตลาดปลาโทโยสุ โดยตลาดปลาแห่งนี้ย้ายมาจากตลาดเก่าชื่อดังอย่างตลาดปลาสึคิจินั้นเอง ที่ตลาดนักท่องเที่ยวสามารถสนุกไปกับการดูการประมูลปลาทูน่าได้อีกด้วย รวมไปถึงกินอาหารทะเลสดใหม่อีกหลากหลายแบบ
  2. สำรวจย่านประวัติศาสตร์อาซากุสะและวัดโบราณเซ็นโซจิ ย่านอาซากุสะถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวหลักที่อยู่ใกล้ๆกับวัดเซ็นโซจิที่เป็นวัดเก่าแก่ที่สุดในโตเกียว แถมยังเป็นวัดสุดคราสสิคที่มีโคมไฟสีแดงอันใหญ่ที่เป็นเอกลักษณ์อยู่หน้าวัด และข้างๆกันก็มีถนนนากามิเสะซึ่งเป็นถนนโบราณสายช้อปปิ้งที่มีร้านค้าตั้งเรียงรายกว่า 90 ร้าน ทำให้ได้ดื่มด่ำไปกับบรรยากาศของโตเกียวแบบโบราณไปเต็มๆ
  3. เพลิดเพลินไปสิ่งของหลากหลายสไตล์ที่ฮาราจูกุ ถนนโอโมเตะซันโด จนไปยังอาโอยามะ นักท่องเที่ยวสามารถพบเจอกับแฟชั่นสุดล้ำทันสมัยได้ในวันเดียวกันเลย โดยฮาราจูกุและถนนทาเคชิตะเป็นสถานที่ที่เหมาะให้คุณได้ดูแฟชั่นสุดแปลกแต่มีเอกลักษณ์ เช่น โกธิค โลลิต้า เสร็จแล้วตรงไปยังแหล่งช้อปปิ้งของแบรนด์หรูที่โอโมเตะซันโด และไปชื่นชมศิลปวัฒนธรรมอันทรงคุณค่าที่อาโอยามะ
  4. สัมผัสโลกของภาพยนตร์อนิเมชั่นและมังงะที่อากิฮาบาระ โตเกียวเมืองที่เป็นเหมือนแหล่งพลังานไฟฟ้าของนักท่องเที่ยวผู้มีใจรักในอนิเมะ มังงะ เกมส์ และของกระจุกกระจิก ที่นี่มีขายของอยู่เต็มไปหมด นักท่องเที่ยวสามารถหาของที่ต้องการเพื่อเก็บของให้ครบทั้งคอลเล็คชั่นได้ ไม่ว่าจะ หนังสือการ์ตูน ดีวีดี ฟิกเกอร์ หรือแลกซื้อของและเล่นเกมการ์ด ชุดคอสเพลย์ นิตยสาร และฯลฯ
  5. ปาร์ตี้ตลอดทั้งคืนที่ชิบุยะ การใช้ชีวิตยามค่ำคืนที่ชิบุยะก็เป็นเรื่องที่ไม่เลวเลยทีเดียว นั่งจิบค็อกเทลสูงกว่า 30 แก้วโดยเรียงแก้วต่อกันเป็นชั้นๆ หรือจะเต้นโยกย้ายไปกับเสียงดนตรีจากดีเจที่บาร์ชั้นใต้ดินก็ดูจะเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นและน่าสนุกสนานไม่น้อยเลยให้กับนักท่องเที่ยว
  6. ชมวิวกรุงโตเกียวบนโตเกียวสกายทรี การได้ใช้เวลาช่วงบ่ายชมวิวบนหอคอยที่สูงที่สุดในโลกกว่า 634 เมตรนั้นคงช่วยผ่อนคลายให้กับวันที่ท่องเที่ยวมาเหนื่อยๆได้ดีเหมือนกัน โดยข้างบนของโตเกียวสกายทรีสามารถชมวิวได้ถึง 360 องศา นักท่องเที่ยวจึงสามารถเห็นวิวกรุงโตเกียวได้รอบๆเมือง ยิ่งไปว่านั้นในวันที่อากาศแจ่มใสปลอดโปร่งจะเห็นวิวภูเขาไฟฟูจิอีกด้วย